หน้าแรก

ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิเคราะห์หุ้นปันผลทุกไตรมาส DCC ตอนที่ 3 : แผนงานและกลยุทธ์ในการแข่งขันในปี 2554

วิเคราะห์หุ้นปันผลทุกไตรมาส DCC ตอนที่ 3
แผนงานและกลยุทธ์ในการแข่งขันในปี 2554

ในปี 2554 นี้ ทางบริษัทได้คาดการณ์ว่าต้นทุนต่างๆโดยเฉพาะทางด้านพลังงาน จะมีการปรับตัวสูงขึ้น เพราะฉะนั้นทางบริษัทฯจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการมุ่งมั่นพัฒนาที่จะควบคุมต้นทุนไม่ให้เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับการเพิ่มศักยภาพของจุดขายทั้งหมดที่มีอยู่ รวมไปถึงการเพิ่มคุณค่าให้สินค้า โดยคำนึงถึงกำไรขั้นต้นเป็นหลัก เป้าหมายโดยรวมแล้วสรุปได้ว่า

• รักษาระดับของกำไรขั้นต้นให้อยู่ที่  44%-45%

• ยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น 10% จากปี 2553

• เปิดสาขาเพิ่ม 10-15 สาขาภายในปี 2554

• ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 2 เตา

• ลดของเสียให้ต่ำกว่า 1%

จากภาวะตลาดที่ซบเซาในครึ่งปีหลังของปี 2553 เนื่องมาจากสภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดทำให้การก่อสร้างต้องชะลอตัวลงในหลายพื้นที่ เป็นเหตุผลให้หลายๆผู้ผลิตต้องหันมากดดัราคาลงด้วยการลด แลก แจก แถม ในขณะที่ต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านพลังงานเริ่มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2554สำหรับผลกระทบกับไดนาสตี้เองแล้ว ทางบริษัทฯได้ชะลอการเปิดเตาใหม่ 2 โครงการ ซึ่งในเดือนมกราคมปี 2554 ได้ดำเนินการเปิดไปแล้วหนึ่งเตา ซึ่งสามารถให้ผลผลิประมาณ 250,000 ตารางเมตร/เดือน  และจะเปิดเตาที่สองในเดือนกรกฎาคม 2554 ใช้งบลงทุนประมาณ 280 ล้านบาท สามารถผลิตได้ประมาณ 285,000 ตารางเมตร/เดือน ซึ่งจากการเปิดเตาทั้งสองเตาแล้ว จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จาก Economy of Scale

ในด้านการตลาด
  • ความต้องการของกระเบื้องนั้น ตลาด ณ ปัจจุบันหันมานิยมใช้กระเบื้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เตาเผาที่ทางบริษัทฯมีอยู่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ตามต้องการ และกระเบื้องขนาดใหญ่นี้ยังสามารถผลักให้ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงขึ้น อีกทั้งมีกำไรขั้นต้นที่ดีกว่าด้วย
  • การเปิดสาขาเพิ่ม 10-15 สาขาในปีนี้สามารถทำให้ทางบริษัทฯมีช่องทางในการขายเพิ่มมากขึ้นอีกทั้งยังเป็นส่วนที่สามารถดึงส่วนแบ่งทางการตลาดอีกด้วย
  • นโยบายในการเจาะกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยมีการรับสมัครสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้มีการกระตุ้นการซื้อที่ต่อเนื่องในด้านต้นทุนเนื่องจากบริษัทฯได้คาดการณ์ว่า ต้นทุนด้านพลังงานโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตจะเพิ่มขึ้นในปีนี้รวมไปถึงต้นทุนของสารเคมีต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทางบริษัทฯมีนโยบายควบคุมต้นทุนดังนี้
  1. การขยายกำลังการผลิตที่จะได้รับผลประโยชน์ จาก Economy of scale ที่ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง
  2. การวิจัยพัฒนาส่วนผสมของเนื้อกระเบื้องซึ่งสามารถลดอุณหภูมิที่ใช้ในการเผา ซึ่งส่งผลให้การใช้ก๊าซธรรมชาติลดลง
  3. การวิจัยพัฒนาส่วนผสมของสี และ สารเคมีต่างๆ และการใช้วัตถุดิบสารเคมีที่มีราคาถูกกว่ามาทดแทน
  4. การคิดค้นใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อมาใช้ในการลดการใช้สารเคมี
  5. การลดของเสียให้ต่ำกว่า 1% จาก 1.13% ในปี 2553
ในด้านขนส่ง
ทางบริษัทฯมีนโยบายการปรับปรุงการขนส่งโดยใช้รถบรรทุกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมไปถึงการวางแผนเส้นทางในการขนส่งโดยใช้หลักระยะทางที่สั้นที่สุด บวกกับหลักของ ระยะทางที่ถูกที่สุด ซึ่งจะสามารถควบคุมต้นทุนในการส่งของได้ส่วนหนึ่ง


กำลังการผลิต
        กำลังการผลิตและ % การใช้กำลังการผลิตในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมาของบริษัทและบริษัทย่อยมีดังนี้






ปริมาณการผลิต

บริษัท / ผลิตกระเบื้อง
(ล้านตารางเมตรต่อปี)







2553
2552
2551

บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด(มหาชน) - กำลังการผลิต
23
21
20





(ผลิตเฉพาะกระเบื้องเซรามิคปูพื้น) กำลังผลิตร้อยละ
97%
93%
87%





บริษัท ไทล์ ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน)- กำลังการผลิต
28
24
22





(ผลิตกระเบื้องเซรามิคปูพื้นและบุผนัง ) กำลังผลิตร้อยละ
99%
93%
88%





(ของกำลังการผลิตปกติ)
รวมกำลังการผลิต


51
45
42





       ความคิดเห็นของผู้เขียน
ต้นทุนการผลิต ก๊าซ NG ที่พุ่งสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยลบต่อกำไรขั้นต้นของบริษัท อีกทั้งต้นทุนในการขนส่งที่ต้องสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน จึงเห็นได้ว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2554 บริษัทมีกำไรต่อหุ้นเพียง 0.89 ซึ่งมากกว่าไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 เพียง 1% และการเพิ่มกำลังการผลิตที่ดูแล้วเดินเครื่องเกือบ 100% แล้ว ยังถือว่าอาจจะเป็นจุดสูงสุดของกำลังการผลิตแ้้ล้ว ซึ่งอาจจะต้องมองแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไทย ว่ายังเติบโตไปในแนวทางที่ดีเพียงใด ที่ทำให้มี demand มากกว่า supply ที่อยู่ในตอนนี้ จึงทำให้การเพิ่มกำลังการผลิตเห็นผล และรับรู้รายได้มากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น