หน้าแรก

ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หุ้นเครือสหพัฒน์

หุ้นเครือสหพัฒน์
กลุ่มแฟชั่น
1. BNC : บริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน)
2. BTNC : บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน)
3. ICC : บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
4. NC : บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน)
5. NPK : บริษัท นิวพลัสนิตติ้ง จำกัด (มหาชน)
6. PAF : บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน)  
7. PG : บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน)
8. TNL : บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน)
9. TPCORP : บริษัท เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ จำกัด (มหาชน)
10. WACOAL : บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน)

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
11. PB : บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) แตกพาร์แล้ว
12. PR : บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) แตกพาร์แล้ว
13. TF : บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) แตกพาร์แล้ว


กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
14. OCC : บริษัท โอ ซี ซี จำกัด (มหาชน)
15. S & J : บ.เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)  

กลุ่มพาณิชย์
16. SPC : บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)  
17. SPI : บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

กลุ่มพลังงาน
18. SCG : บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน)  

กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค
19. IFEC : บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน)

กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์
20. FE : บริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน)

จุดกลับของกราฟ Ticon พรุ่งนี้มันจะมา

จุดกลับของกราฟ Ticon พรุ่งนี้มันจะมา

 

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ป้าย SP คืออะไร

ป้าย "SP" คืออะไร

"SP" ย่อมาจากคำว่า SUSPENSION ตลาดจะติดป้าย SP เพื่อห้ามการซื้อขายหุ้นจดทะเบียนชั่วคราว มากกว่า 1 รอบ โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้:
  1. บริษัทนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเปิดเผยข้อมูล ป้าย "NP" (Notice Pending) จะโดนเปลี่ยนเป็นป้าย "SP"
  2. บริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเปิดเผยข้อมูล หรือราคาหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลง โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ
  3. บริษัทไม่จัดส่งงบดุลตามข้อบังคับภายใน 5 วันทำการ หลังจากการติดป้าย "NP
  4. บริษัทไม่จัดส่งงบการเงินตามข้อบังคับ 2 ครั้งติดต่อกัน และยังไม่ส่งตามกำหนดอีกเป็นครั้งที่ 3
  5. บริษัทอยู่ในข่ายอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ และต้องเสนอแผนการฟื้นฟูกิจการต่อตลาดหลักทรัพย์ ภายในเวลาที่กำหนด
ซึ่งวันนี้ JAS ขึ้น NP ส่อแววซะแล้ว อิอิ

    ง่ายๆกับเครดิตภาษีจากเงินปันผล

    ง่ายๆกับเครดิตภาษีจากเงินปันผล

    ถ้าภาษี 30% ก็ได้เครดิตภาษี = 3/7 ของเงินปันผล
    ถ้าภาษี 25% ก็ได้เครดิตภาษี = 1/3 ของเงินปันผล

    สมมุติว่าได้ปันผล 100 บาท (ก่อนหัก ณ ที่จ่าย 10%)
    @30% เครดิตภาษีได้ 3/7 x 100 = 300/7 ==> 42.85 เสมือนหนึ่งได้กำไร = 142.85
    @25% เครดิตภาษีได้ 1/3 x 100 = 100/3 ==> 33.33 เสมือนหนึงได้กำไร = 133.33

    เงินกำไร 142.85 หรือ 133.33 บาท ก็จะนำมาคิดภาษีที่ฐานภาษีของเราอีกครั้ง

    ถ้าฐานภาษีของเราอยู่ที่ 10% ก็จะเสียภาษี 14.28 หรือ 13.33 บาท
    แต่ว่าเราถูกหักภาษีไปแล้ว 10.- (10% ของ 100.-)
    ดังนั้น เราควรจะได้เงินคืน

    1) @ 30% ===> 42.85 - (14.28 - 10) ===> 38.-
    เงินปันผลสุทธิหลังภาษี = 90.- + 38.- ==> 128.-

    2) @ 25% ===> 33.33 - (13.33 - 10) ===> 30.-
    เงินปันผลสุทธิหลังภาษี = 90.- + 30.- ==> 120.-

    OMG ต่างกันถึง 8.- (ไม่น่าเชื่อ นี่คิดจากปันผล 100.-)
    ถ้าปันผล 100,000.- ก็จะต่างกันถึง 8,000.-

    [แต่อย่าลืมว่า ฐานภาษีของเราจะเปลี่ยนไปตามรายได้
    ดังนั้น ถ้าปันผล 1,000,000.- มันคนละเรื่องนะครับ]
     
    ขอบคุณที่มาจาก


    Report this post